รังสีอินฟราเรด หรือ รังสีความร้อน (Infrared Radiation, IR)
ซึ่งคุณสมบัติเฉพาะตัวของรังสีอินฟราเรด ตัวอย่างเช่น ไม่มีการเบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แตกต่างกัน กล่าวคือ คุณสมบัติของมันจะขึ้นอยู่กับความถี่ คือยิ่งความถี่สูงมากขึ้น พลังงานก็สูงขึ้นด้วย ดังนั้น ปัจจุบันมีการนำคลื่นรังสีอินฟราเรดมาใช้ประโยชน์ในการสร้างกล้องอินฟราเรดที่สามารถมองเห็นวัตถุในความมืดได้
ประโยชน์รังสีอินฟราเรด
1. ด้านอุตสาหกรรมอาหาร
1.1 การอบแห้ง
รังสีอินฟราเรดไกลมีสามารถให้ความร้อน และทะลุผ่านเข้าไปในอาหารได้มาก จึงประยุกต์ใช้สำหรับการอบแห้งอาหารต่างๆ เช่น เมล็ดพันธุ์พืช ผลิตภัณฑ์ผัก และผลไม้ รวมถึงเนื้อสัตว์ ช่วยให้ลดเวลา และพลังงานที่ใช้ในการอบแห้งลง
ข้อดีการอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด
– ระบบให้ความร้อนควบคุมได้ง่าย
– สามารถถ่ายเทความร้อนไปยังผลิตภัณฑ์ได้ดี และความร้อนสามารถทะลุผ่านเข้าในผลิตภัณฑ์ได้สูง
– มีราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งพลังงานบางชนิด เช่น ไดอิเล็กตริก และไมโครเวฟ
– มีอายุการใช้งานยาวนาน และมีค่าซ่อมบำรุงต่ำ
– ทั้งระบบน้ำหนักเบา ใช้ใช้พื้นที่ของอุปกรณ์น้อย ติดตั้งง่าย และสามารถใช้ร่วมกับเครื่องอบแห้งแบบทั่วไปได้
– ผลิตภัณฑ์มีความแห้งสม่ำเสมอ และมีความสะอาด
ข้อเสียการอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด
– สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่จะต้องเพิ่มขนาดหลอดรังสีอินฟราเรด ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
– ไม่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความหนามาก
1.2 การแปรรูปอาหารให้สุก
การใช้รังสีอินฟราเรดแปรรูปอาหารให้สุก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
– ระดับอุณหภูมิปานกลาง (Medium temperature radiate)
ระดับอุณหภูมิปานกลาง ได้จากเครื่องกำเนิดรังสีอินฟราเรดแบบคลื่นสั้น ซึ่งใช้หลอดเป็นเส้นลวดหรือหลอดซิลิก้า สามารถให้ความร้อนในช่วง 500 – 1000 °C และให้พลังงานประมาณ 15 กิโลวัตต์/ตารางเมตร นิยมใช้กับอาหารที่ไม่ไวต่อความร้อน
– ระดับอุณหภูมิสูง (High temperature radiate)
ระดับอุณหภูมิสูง ได้จากเครื่องกำเนิดรังสีอินฟราเรดแบบคลื่นสั้น ซึ่งใช้เป็นหลอดทังสเตน หรือหลอดควอตส์ สามารถให้ความร้อนสูงสุดถึง 2,500 °C และให้พลังงาน ประมาณ 10 – 65 กิโลวัตต์/ตารางเมตร นิยมใช้กับอาหารที่ไวต่อความร้อน
1.3 อุตสาหกรรมอื่น ได้แก่
– การอบแห้งเฟอร์นิเจอร์
– การอบแห้งเครื่องปั้น และเซรามิกส์
– การอบแห้งวัสดุยานยนต์
– สิ่งทอ
– กระดาษ
– เคลือบสีผลิตภัณฑ์
– ฯลฯ
2. ด้านการเกษตร
ความร้อนที่ได้จากรังสีอินฟราเรดที่ความยาวคลื่น 3-6 ไมครอน สามารถกำจัดแมลงในเมล็ดข้าวได้ถึง 100%
3. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการสื่อสาร
– ใช้เป็นตัวกลางสื่อสารสำหรับอุปกรณ์ไร้สาย อาทิ มือถือ คอมพิวเตอร์
– ภาพถ่ายความร้อนด้วยกล้องอินฟราเรดที่ใช้ประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ ทางทหาร ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม
– ภาพถ่ายดาวเทียมในช่วงคลื่นรังสีอินฟราเรด
เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1800 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ Sir William Herschel ซึ่งใช้คำเรียกรังสีอินฟราเรดว่า “รังสีใต้แดง” หรือ “รังสีความร้อน” มีคุณสมบัติเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างคลื่นวิทยุและแสง มีความถี่ในช่วง 300 GHz – 430 THz มีความถี่ในช่วงเดียวกับคลื่นไมโครเวฟ มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างแสงสีแดงกับคลื่นวิทยุ สสารทุกชนิดที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง ลบ 200 องศาเซลเซียสถึง 4,000 องศาเซลเซียส จะปล่อยรังสีอินฟราเรดออกมา
ซึ่งคุณสมบัติเฉพาะตัวของรังสีอินฟราเรด ตัวอย่างเช่น ไม่มีการเบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แตกต่างกัน กล่าวคือ คุณสมบัติของมันจะขึ้นอยู่กับความถี่ คือยิ่งความถี่สูงมากขึ้น พลังงานก็สูงขึ้นด้วย ดังนั้น ปัจจุบันมีการนำคลื่นรังสีอินฟราเรดมาใช้ประโยชน์ในการสร้างกล้องอินฟราเรดที่สามารถมองเห็นวัตถุในความมืดได้
ประโยชน์รังสีอินฟราเรด
1. ด้านอุตสาหกรรมอาหาร
1.1 การอบแห้ง
รังสีอินฟราเรดไกลมีสามารถให้ความร้อน และทะลุผ่านเข้าไปในอาหารได้มาก จึงประยุกต์ใช้สำหรับการอบแห้งอาหารต่างๆ เช่น เมล็ดพันธุ์พืช ผลิตภัณฑ์ผัก และผลไม้ รวมถึงเนื้อสัตว์ ช่วยให้ลดเวลา และพลังงานที่ใช้ในการอบแห้งลง
ข้อดีการอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด
– ระบบให้ความร้อนควบคุมได้ง่าย
– สามารถถ่ายเทความร้อนไปยังผลิตภัณฑ์ได้ดี และความร้อนสามารถทะลุผ่านเข้าในผลิตภัณฑ์ได้สูง
– มีราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งพลังงานบางชนิด เช่น ไดอิเล็กตริก และไมโครเวฟ
– มีอายุการใช้งานยาวนาน และมีค่าซ่อมบำรุงต่ำ
– ทั้งระบบน้ำหนักเบา ใช้ใช้พื้นที่ของอุปกรณ์น้อย ติดตั้งง่าย และสามารถใช้ร่วมกับเครื่องอบแห้งแบบทั่วไปได้
– ผลิตภัณฑ์มีความแห้งสม่ำเสมอ และมีความสะอาด
ข้อเสียการอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด
– สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่จะต้องเพิ่มขนาดหลอดรังสีอินฟราเรด ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
– ไม่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความหนามาก
1.2 การแปรรูปอาหารให้สุก
การใช้รังสีอินฟราเรดแปรรูปอาหารให้สุก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
– ระดับอุณหภูมิปานกลาง (Medium temperature radiate)
ระดับอุณหภูมิปานกลาง ได้จากเครื่องกำเนิดรังสีอินฟราเรดแบบคลื่นสั้น ซึ่งใช้หลอดเป็นเส้นลวดหรือหลอดซิลิก้า สามารถให้ความร้อนในช่วง 500 – 1000 °C และให้พลังงานประมาณ 15 กิโลวัตต์/ตารางเมตร นิยมใช้กับอาหารที่ไม่ไวต่อความร้อน
– ระดับอุณหภูมิสูง (High temperature radiate)
ระดับอุณหภูมิสูง ได้จากเครื่องกำเนิดรังสีอินฟราเรดแบบคลื่นสั้น ซึ่งใช้เป็นหลอดทังสเตน หรือหลอดควอตส์ สามารถให้ความร้อนสูงสุดถึง 2,500 °C และให้พลังงาน ประมาณ 10 – 65 กิโลวัตต์/ตารางเมตร นิยมใช้กับอาหารที่ไวต่อความร้อน
1.3 อุตสาหกรรมอื่น ได้แก่
– การอบแห้งเฟอร์นิเจอร์
– การอบแห้งเครื่องปั้น และเซรามิกส์
– การอบแห้งวัสดุยานยนต์
– สิ่งทอ
– กระดาษ
– เคลือบสีผลิตภัณฑ์
– ฯลฯ
2. ด้านการเกษตร
ความร้อนที่ได้จากรังสีอินฟราเรดที่ความยาวคลื่น 3-6 ไมครอน สามารถกำจัดแมลงในเมล็ดข้าวได้ถึง 100%
3. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการสื่อสาร
– ใช้เป็นตัวกลางสื่อสารสำหรับอุปกรณ์ไร้สาย อาทิ มือถือ คอมพิวเตอร์
– ภาพถ่ายความร้อนด้วยกล้องอินฟราเรดที่ใช้ประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ ทางทหาร ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม
– ภาพถ่ายดาวเทียมในช่วงคลื่นรังสีอินฟราเรด
-ภาพถ่ายความร้อน-
-ภาพถ่ายดาวเทียม-
โทษจากรังสีอินฟราเรด
ผลกระทบจากรังสีอินฟราเรดส่วนใหญ่จะมีผลต่อชั้นบรรยากาศ ทำให้ชั้นบรรยากาศมีความอบอุ่นหรือร้อนขึ้น ส่วนในมนุษย์ และสัตว์ หากได้รับรังสีอินฟราเรดติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ผิวมีอาการแสบร้อน ผิวหมองคล้ำ ดำกร้าน เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ และร่างกายขาดน้ำ หากได้รับติดต่อกันนานพร้อมกับมีความเข้มสูงจะทำให้ผิวแสบร้อนรุนแรง และเกิดรอยไหม้ของผิวได้
โทษจากรังสีอินฟราเรด



เนื้อหาดีมากเลยค่ะ
ReplyDeleteข้อมูลแน่นมากคะ
ReplyDeleteข้อมละเอียดมากคับ
ReplyDeleteเข้าใจง่ายดีย์~
ReplyDeleteได้ความรู้เยอะมากๆค่ะ
ReplyDeleteดีมากๆเลยค่ะะะ
ReplyDeleteมีประโยชน์มากเลยครับบ
ReplyDeleteได้ประโยชน์มากๆค่ะ
ReplyDeleteได้ความรู้มากๆเลยค่ะ
ReplyDeleteข้อมูลแน่นมาก มีประโยชน์มากเลย👍
ReplyDeleteมีประโยชน์มากค่าาา
ReplyDeleteข้อมูลครบถ้วนละเอียดมากค่า
ReplyDeleteมีประโยชน์มากเลยค่ะะ👍
ReplyDelete