Wednesday, August 8, 2018



รังสีอินฟราเรด หรือ รังสีความร้อน (Infrared Radiation, IR) 

     เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1800 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ Sir William Herschel ซึ่งใช้คำเรียกรังสีอินฟราเรดว่า “รังสีใต้แดง” หรือ “รังสีความร้อน” มีคุณสมบัติเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างคลื่นวิทยุและแสง มีความถี่ในช่วง 300 GHz – 430 THz มีความถี่ในช่วงเดียวกับคลื่นไมโครเวฟ มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างแสงสีแดงกับคลื่นวิทยุ สสารทุกชนิดที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง ลบ 200 องศาเซลเซียสถึง 4,000 องศาเซลเซียส จะปล่อยรังสีอินฟราเรดออกมา 

     ซึ่งคุณสมบัติเฉพาะตัวของรังสีอินฟราเรด ตัวอย่างเช่น ไม่มีการเบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แตกต่างกัน กล่าวคือ คุณสมบัติของมันจะขึ้นอยู่กับความถี่ คือยิ่งความถี่สูงมากขึ้น พลังงานก็สูงขึ้นด้วย ดังนั้น ปัจจุบันมีการนำคลื่นรังสีอินฟราเรดมาใช้ประโยชน์ในการสร้างกล้องอินฟราเรดที่สามารถมองเห็นวัตถุในความมืดได้



ประโยชน์รังสีอินฟราเรด
1. ด้านอุตสาหกรรมอาหาร
1.1 การอบแห้ง
รังสีอินฟราเรดไกลมีสามารถให้ความร้อน และทะลุผ่านเข้าไปในอาหารได้มาก จึงประยุกต์ใช้สำหรับการอบแห้งอาหารต่างๆ เช่น เมล็ดพันธุ์พืช ผลิตภัณฑ์ผัก และผลไม้ รวมถึงเนื้อสัตว์ ช่วยให้ลดเวลา และพลังงานที่ใช้ในการอบแห้งลง

ข้อดีการอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด
– ระบบให้ความร้อนควบคุมได้ง่าย
– สามารถถ่ายเทความร้อนไปยังผลิตภัณฑ์ได้ดี และความร้อนสามารถทะลุผ่านเข้าในผลิตภัณฑ์ได้สูง
– มีราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งพลังงานบางชนิด เช่น ไดอิเล็กตริก และไมโครเวฟ
– มีอายุการใช้งานยาวนาน และมีค่าซ่อมบำรุงต่ำ
– ทั้งระบบน้ำหนักเบา ใช้ใช้พื้นที่ของอุปกรณ์น้อย ติดตั้งง่าย และสามารถใช้ร่วมกับเครื่องอบแห้งแบบทั่วไปได้
– ผลิตภัณฑ์มีความแห้งสม่ำเสมอ และมีความสะอาด

ข้อเสียการอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด
– สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่จะต้องเพิ่มขนาดหลอดรังสีอินฟราเรด ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
– ไม่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความหนามาก

1.2 การแปรรูปอาหารให้สุก
การใช้รังสีอินฟราเรดแปรรูปอาหารให้สุก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
– ระดับอุณหภูมิปานกลาง (Medium temperature radiate)
ระดับอุณหภูมิปานกลาง ได้จากเครื่องกำเนิดรังสีอินฟราเรดแบบคลื่นสั้น ซึ่งใช้หลอดเป็นเส้นลวดหรือหลอดซิลิก้า สามารถให้ความร้อนในช่วง 500 – 1000 °C และให้พลังงานประมาณ 15 กิโลวัตต์/ตารางเมตร นิยมใช้กับอาหารที่ไม่ไวต่อความร้อน

– ระดับอุณหภูมิสูง (High temperature radiate)
ระดับอุณหภูมิสูง ได้จากเครื่องกำเนิดรังสีอินฟราเรดแบบคลื่นสั้น ซึ่งใช้เป็นหลอดทังสเตน หรือหลอดควอตส์ สามารถให้ความร้อนสูงสุดถึง 2,500 °C และให้พลังงาน ประมาณ 10 – 65 กิโลวัตต์/ตารางเมตร นิยมใช้กับอาหารที่ไวต่อความร้อน

1.3 อุตสาหกรรมอื่น ได้แก่
– การอบแห้งเฟอร์นิเจอร์
– การอบแห้งเครื่องปั้น และเซรามิกส์
– การอบแห้งวัสดุยานยนต์
– สิ่งทอ
– กระดาษ
– เคลือบสีผลิตภัณฑ์
– ฯลฯ

2. ด้านการเกษตร
ความร้อนที่ได้จากรังสีอินฟราเรดที่ความยาวคลื่น 3-6 ไมครอน สามารถกำจัดแมลงในเมล็ดข้าวได้ถึง 100%

3. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการสื่อสาร
– ใช้เป็นตัวกลางสื่อสารสำหรับอุปกรณ์ไร้สาย อาทิ มือถือ คอมพิวเตอร์
– ภาพถ่ายความร้อนด้วยกล้องอินฟราเรดที่ใช้ประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ ทางทหาร ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม
– ภาพถ่ายดาวเทียมในช่วงคลื่นรังสีอินฟราเรด

 
 -ภาพถ่ายความร้อน-


                                                                                                       -ภาพถ่ายดาวเทียม-                                      
โทษจากรังสีอินฟราเรด

ผลกระทบจากรังสีอินฟราเรดส่วนใหญ่จะมีผลต่อชั้นบรรยากาศ ทำให้ชั้นบรรยากาศมีความอบอุ่นหรือร้อนขึ้น ส่วนในมนุษย์ และสัตว์ หากได้รับรังสีอินฟราเรดติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ผิวมีอาการแสบร้อน ผิวหมองคล้ำ ดำกร้าน เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ และร่างกายขาดน้ำ หากได้รับติดต่อกันนานพร้อมกับมีความเข้มสูงจะทำให้ผิวแสบร้อนรุนแรง และเกิดรอยไหม้ของผิวได้    




                                                           

13 comments:

  1. เนื้อหาดีมากเลยค่ะ

    ReplyDelete
  2. ข้อมูลแน่นมากคะ

    ReplyDelete
  3. ข้อมละเอียดมากคับ

    ReplyDelete
  4. เข้าใจง่ายดีย์~

    ReplyDelete
  5. ได้ความรู้เยอะมากๆค่ะ

    ReplyDelete
  6. ดีมากๆเลยค่ะะะ

    ReplyDelete
  7. มีประโยชน์มากเลยครับบ

    ReplyDelete
  8. ได้ประโยชน์มากๆค่ะ

    ReplyDelete
  9. ได้ความรู้มากๆเลยค่ะ

    ReplyDelete
  10. ข้อมูลแน่นมาก มีประโยชน์มากเลย👍

    ReplyDelete
  11. มีประโยชน์มากค่าาา

    ReplyDelete
  12. ข้อมูลครบถ้วนละเอียดมากค่า

    ReplyDelete
  13. มีประโยชน์มากเลยค่ะะ👍

    ReplyDelete